เป็นคำถามที่พบเจอมากใน Pantip ว่า ถ้าเราใช้บัตรเครดิตผ่อนทองคำ เมื่อหักลบค่าต่างๆแล้ว มันจะคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ หรือแค่ถ้าต้องการมีทองคำไว้ใส่ แต่สามารถเอาไว้ขายได้ในยามจำเป็น เปรียบเสมือนเงินออมไปในตัว การผ่อนทองคำด้วยบัตรเครดิต เป็นทางเลือกที่ถูกต้องหรือไม่ วันนี้เราจะเล่าความจริงให้ฟัง

ผ่อนทองคำด้วยบัตรเครดิต มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

• ค่ากำเหน็จ คือ ค่าแรงในการผลิตทองคำให้สวยงามตามลวดลายต่างๆ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับมูลค่าของทองคำจริงๆ โดยทั่วไปทองคำรูปพรรณหนัก 1 บาท จะมีค่ากำเหน็จเพิ่มประมาณ 500 บาท แต่ถ้าเป็นทองคำแท่งจะไม่มีค่ากำเหน็จ ดังนั้นหากต้องการสะสมทองคำเพื่อเกร็งกำไรหรือเพื่อการออมควรเลือกผ่อนทองแท่งด้วยบัตรเครดิตมากกว่าค่าธรรมเนียมการรูดบัตร
• ค่าธรรมเนียมการรูดบัตร เป็นค่าใช้จ่ายที่ร้านทองมักจะเก็บเพิ่มจากมูลค่าของทองคำในปัจจุบัน รวมกับค่ากำเหน็จ (ถ้ามี) ส่วนใหญ่จะคิดเพิ่ม 3% โดยเฉพาะบัตรที่ให้ผ่อน 0% จะมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นการใช้จ่ายที่มีค่าธรรมเนียมรูดบัตร จึงจะได้ผ่อน 0% ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มมาในการผ่อนทองด้วยบัตรเครดิต
• ดอกเบี้ยบัตรเครดิต บางบัตรเครดิตไม่ได้ครอบคลุมการผ่อนทองคำโดยเฉพาะ หรือหากต้องการมีระยะการผ่อนที่นาน อาจจะมีดอกเบี้ยบัตรเครดิตเพิ่มด้วย โดยปกติจะอยู่ที่ 0.5%

ใช้บัตรเครดิตผ่อนทองคำคุ้มค่าแค่ไหน

เราต้องแยกตามวัตถุประสงค์ในการนำบัตรเครดิตมาผ่อนทองคำว่าเพื่ออะไรกันแน่ระหว่างการผ่อนเพราะอยากได้ทองคำมาใส่เพื่อความสวยงาม หรือต้องการผ่อนทองคำเพื่อเก็บไว้เกร็งกำไร ซึ่งทั้ง 2 แบบ มีวิธีคิดความคุ้มค่าที่แตกต่างกัน

• ใช้บัตรเครดิตผ่อนทองคำเพื่อเกร็งกำไร แน่นอนว่าคนที่ต้องการเกร็งกำไรมักจะซื้อทองคำแท่ง แต่อย่างไรก็ดีมันมักจะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเข้ามาอยู่ดี ยกเว้นกรณีที่มีโปรโมชั่นบัตรเครดิตที่สามารถผ่อน 0% ได้ โดยไม่มีเงื่อนไขว่าต้องมีค่าทำเนียบการรูดบัตร ก็อาจจะคุ้มค่ามากขึ้น ยิ่งหากราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว การใช้บัตรเครดิตรูดผ่อนทองคำก็คือเป็นตัวเลือกที่คุ้ม โดยเฉพาะเวลาที่ไม่มีเงินสดจำนวนมากเพื่อซื้อทองคำ แต่หากราคาทองคำยังผันผวน ก็ไม่ควรใช้บัตรเครดิตผ่อนทองคำ เพราะโอกาสที่จะคุ้มค่อนข้างยาก เพราะอาจจะไม่สามารถขายได้ในราคาที่คุ้มทุน ทำให้ต้องถือทองคำเอาไว้ โดยที่ต้องส่งค่างวดผ่อนทอง โดยไม่ก่อให้เกิดรายได้ในเวลานั้น
• ใช้บัตรเครดิตผ่อนทองใช้เป็นเครื่องประดับ คนกลุ่มนี้อาจจะไม่ได้มองที่ความคุ้มค่า แต่มองที่ความสวยงาม อาจจะต้องเสียค่ากำหนัดบ้าง ค่าค่าธรรมเนียมการรูดบัตรบ้าง อาจไม่ใช่เหตุผลหลักในการนำมาพิจารณาว่าจะผ่อนทองด้วยบัตรเครดิตหรือไม่ แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ถือว่าเป็นการออมไปในตัว หากต้องใช้เงินฉุกเฉินก็สามารถนำมาลดภาระได้ ซึ่งอาจจะขาดทุนในเรื่องมูลค่าบ้าง แต่ถือว่าคุ้มค่าที่ได้นำมาใช้เป็นเครื่องประกับแล้ว

สรุปคือความคุ้มค่าของการใช้บัตรเครดิตผ่อนทองนั้น ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ว่าผ่อนทองคำเพื่ออะไร ไม่มีการกำหนดตายตัวว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับปัจจัยของแต่ละบุคคล แต่ไม่ว่าจะผ่อนทองด้วยบัตรเครดิตด้วยเหตุใดก็ตาม หากไม่ทำให้ก่อหนี้สินจนเกินไป จนผ่อนค่าอื่นๆที่ใช้จ่ายไม่ไหว ก็ถือว่าไม่เสียหายอะไรมากนัก

นาฬิกาเพื่อสุขภาพในปัจจุบันนี้ กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นกันอย่างกว้างขวาง เพราะมีให้เลือกตั้งแต่ในราคาหลักร้อย ไปจนถึงหลักหมื่น แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราควรจะซื้อรุ่นไหนมาใช้ เพื่อให้คุ้มค่าค่ากับเงินที่เราจ่ายไปมากที่สุด วันนี้บล็อกแห่งความจริงมามาแนะนำให้ทุกท่านได้รับรู้

ก่อนอื่นขอย้อนไปถึงนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ (Smart Watch) หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่านาฬิกาอัจฉริยะ ซึ่งมักเข้าใจผิดกันว่าเป็นนาฬิกาเพื่อสุขภาพแต่จริงๆแล้วไม่ใช้ทั้งหมด โดยเราสามารถแยกนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่

1. นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ทั่วไป – เป็นนาฬิกาที่พัฒนาขึ้นเพื่อออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การคุยโทรศัพท์ผ่านนาฬิกา การแจ้งเตือนข้อความจากโทรศัพท์ เป็นต้น ซึ่งบางครั้ง นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ทั่วไปก็มีฟังก์ชั่นสุขภาพหรือการออกกำลังกายด้วย แต่ก็ไม่ได้เน้นเรื่องสุขภาพหรือออกกำลังกายมากนัก
2. นาฬิกาออกกำลังกาย – เป็นนาฬิกาที่เน้นในการใส่เพื่อออกกำลังกายโดยเฉพาะ ให้ข้อมูลการออกกำลังกายที่ละเอียด ส่วนใหญ่จะมาพร้อม GPS ในตัว โดยสามารถออกกำลังกายได้หลากหลายประเภท แต่บางครั้งก็มีฟังก์ชั่นสุขภาพหรือฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกมาบ้างเช่นกัน
3. นาฬิกาเพื่อสุขภาพ – เป็นนาฬิกาที่เน้นฟังก์ชั่นในการติดตามข้อมูลสุขภาพของผู้ใส่ ซึ่งมีฟังก์ชั่นสุขภาพทางการแพทย์หลากหลาย เช่น การวัดความดันโลหิต, การวัดลื่นไฟฟ้าหัวใจ, การวัดน้ำตาลในเลือด เป็นต้น โดยอาจมีฟังก์ชั่นพื้นฐานของนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ทั่วไป และฟังก์ชั่นออกกำลังกายติดมาด้วยบ้าง

แต่สิ่งที่เรา